ท่องเที่ยว “เส้นทางตามรอยเท้าพ่อ” ทริปท่องเที่ยว “เส้นทางตามรอยเท้าพ่อ” ขอบอกว่าเป็นทริปที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากได้เที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้ด้านวัฒนธรรมแล้ว ยังได้รับความรู้ ความสุนทรียภาพทางศาสนสถานและศิลปะในพื้นที่ต่าง ๆอีกด้วย สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจติดตามเส้นทางพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ลองมาดูกันครับ ว่ามีที่ใดบ้าง อุทยานหินเขางู 8 กิโลเมตรห่างจากตัวจังหวัดราชบุรี อยู่ที่ตำบลเกาะพลับพลา ถึงแม้ถ้าเขางูจะเป็นศาสนสถานที่เก่าแก่แห่งหนึ่ง แต่ทางจังหวัดราชบุรีได้พัฒนาเขางูให้เป็นสวนสาธารณะและสถานที่ท่องเที่ยว ทางโบราณคดี และได้สร้างพระพุทธรูปหินขนาดใหญ่ตรงผนังเขาดูสง่างามเป็นอย่างยิ่ง อุทยานหินเขางู เป็นสถานที่ที่ในหลวงและสมเด็จพระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 และสมเด็จย่า ทรงเคยเสด็จ ณ ถ้ำฤาษีเขางู ซึ่งปัจจุบัน อุทยานหินเขางูเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจและเดินทางมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ใกล้ ๆ กันมีสะพานขึงขนาดใหญ่ เชื่อมระหว่างลานจอดรถข้ามบึงน้ำอันใสสะอาด ไปสู่หุบเขาลูกใหญ่ บรรดานักท่องเที่ยวสามารถขึ้นสะพานไปถ่ายรูปเก็บบรรยากาศสวยงามได้อย่างปลอดภัย เดินทางจากอุทยานหินเขางู มุ่งสู่ “โครงการเขาชะงุ้ม” หรือ “ศูนย์ศึกษาวิธีการฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรมเขาชะงุ้ม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ” จังหวัดราชบุรี ตั้งอยู่ที่ บ้านเขาเขียว – เขาเสด็จ หมู่ที่ 2 ตำบลเขาชะงุ้ม อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี มีพื้นที่ 869 - 3 - 25.6 ไร่ คุณสาธิต ยอดดำเนิน ผู้บริหารบริษัท เจ.ทราเวล เซอร์วิส หรือ JTS. ได้กล่าวถึงการจัดคณะสื่อมวลชนมาออกแฟมทริปในครั้งนี้ว่า “การจัดทริปโปรแกรม “เส้นทางตามรอยเท้าพ่อ” ซึ่งได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนที่ดีจากท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดราชบุรี โดยที่เราได้นำคณะสื่อมวลชนเข้ามาสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวภาคกลางตอนล่าง 1 ที่มี 4 จังหวัดก็คือ ราชบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี และนครปฐม โดยทั้ง 4 จังหวัดนี้ เราได้ทำเป็นเส้นทางเชื่อมโยงตามรอยเท้าพ่อ เพื่อประชาสัมพันธ์เส้นทางให้กับพสกนิกรชาวไทยที่สนใจจะเดินตามรอยเท้าของพ่อ เพราะว่าในแต่ละที่ที่เราพาไปเที่ยวชมและได้พาไปศึกษาเรียนรู้ว่า พระราชกรณียกิจที่พระองค์ท่านได้ทรงกระทำในแต่ละพื้นที่นั้นมีอะไรบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการที่เขาชะงุ้ม เป็นอีกหนึ่งโครงการของแหล่งท่องเที่ยวตามรอยพ่อที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง” ศูนย์ศึกษาวิธีการฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรมเขาชะงุ้ม อันเนื่องมาจากพระราชดำริเป็นโครงการในพระราชดำริซึ่งพระองค์ท่านได้พลิกฟื้นผืนป่า คืนผืนดินที่เสื่อมโทรมมาเป็นผืนป่าที่เขียวชอุ่ม สถานที่แห่งนี้ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเคยเสด็จถึง 3 ครั้ง และได้มอบปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้กับพสกนิกรในพื้นที่ นำมาซึ่งความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ปัจจุบันโครงการศึกษาวิธีการฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรมเขาชะงุ้ม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ถือได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ ที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ และเข้ามาศึกษาดูงานเป็นจำนวนมาก ความเป็นมา เดิมพื้นที่โครงการเป็นฟาร์มปศุสัตว์และปลูกพืชไร่ มีการใช้ที่ดินอย่างผิดวิธี ทำให้หน้าดินเสียหาย ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ เกิดความแห้งแล้งไม่สามารถปลูกพืชได้ หรือปลูกได้แต่ผลผลิตลดลงมาก บางส่วนมีการขุดลูกรังไปขาย ดินส่วนใหญ่เป็นดินตื้น เนื้อดินเป็นดินร่วนปนทรายและ ปนกรวด มีชั้นดินดานแข็งอยู่ข้างล่าง ลึกประมาณ 40 เซนติเมตรจากผิวดินบน วัตถุประสงค์ เพื่อเป็นศูนย์ศึกษาวิจัยและสาธิตทดสอบวิธีการฟื้นฟูปรับปรุงดินเสื่อมโทรมให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นรูปแบบและส่งเสริมอาชีพเกษตรกรที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่โครงการ ได้เรียนรู้วิธีการจัดการดิน น้ำ และพืชอย่างถูกต้อง มีความยั่งยืนไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น อีกทั้งเพื่อฟื้นฟูพื้นที่โครงการซึ่งมีสภาพเสื่อมโทรมให้กลับสมบูรณ์ สามารถใช้ประโยชน์ทางการเกษตรได้ เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรดินน้ำและป่าไม้ให้คงความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติอย่างยั่งยืน และเป็นแหล่งศึกษาดูงานและแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรเชิงอนุรักษ์ได้เป็นอย่างดี ทรงให้ใช้หญ้าแฝกมาช่วยในการป้องกันการชะล้างพังทลายของหน้าดิน ป้องกันดินที่ถูกกัดเซาะเป็นร่องลึก การปลูกหญ้าแฝกเป็นแนวแทนคันดิน เพื่อรักษาความชุ่มชื้นในดินให้แก่ไม้ผล และไม้ยืนต้น โดยปลูกในลักษณะเป็นแนวครึ่งวงกลม เพื่อได้ทำหน้าที่รักษาความชุ่มชื่นในดินได้อย่างมีประสิทธิภาพ วัดถ้ำสิงโตทอง เป็นสถานที่ที่ในหลวงและสมเด็จพระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 ทรงเคยเสด็จมาเยี่ยมเยือนพสกนิกรในอำเภอจอมบึง และได้ทรงปลูกต้นสักทองไว้บริเวณหน้าอุโบสถ นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์มงคลนาวิน ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปศึกษาหาความรู้ที่น่าสนใจ วัดป่าพระธาตุเขาน้อย เมื่อครั้งอดีต ในหลวงและสมเด็จพระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 ทรงเคยเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฎร ณ อำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรีและได้เสด็จไปยัง วัดป่าพระธาตุเขาน้อย ได้ทรงปลูกต้นไม้ ได้แก่ ต้นปีบ และต้นอินทนนท์ ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับ วัดพระแท่นดงรัง เป็นอีกหนึ่งสถานที่ ชื่อในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้เสด็จราชดำเนินไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจถึง 2 ครั้ง ถึงจะผ่านมาหลายปีแล้ว ปัจจุบันที่วัดแห่งนี้ยังรักษาความทรงจำในครั้งนั้นได้เป็นอย่างดี และยังมีเรื่องราวความเป็นมาให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปค้นหาความประทับใจในประวัติศาสตร์และอดีตที่ผ่านมา ภายในอุโบสถหลังเก่ามีพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยประดิษฐานอยู่ พระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์ ก่อตั้งขึ้นเพื่อระลึกถึงวีรกรรมการชนช้างของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา กับพระมหาอุปราชาแห่งพม่าที่ยกทัพเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยาในปี พ. ศ. 2135 และสถานที่แห่งนี้ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเคยเสด็จมาถึง 2 ครั้ง เจดีย์ยุทธหัตถี ตั้งอยู่ที่ บ้านดอนเจดีย์ หมู่ 2 ตำบลดอนเจดีย์ อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี เชื่อกันว่าเป็นเจดีย์ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงสร้างขึ้นหลังจากที่พระองค์ได้กระทำยุทธหัตถีรับชัยชนะต่อสมเด็จพระมหาอุปราชากษัตริย์แห่งเมืองพม่า ดังหลักฐานที่ปรากฏพอสรุปได้คือ เส้นทางการเดินทัพของพม่า-ไทย ทัพพม่าจะเข้ามาทางด่านเจดีย์สามองค์ไป ทุ่งลาดหญ้าไป เขาชนไก่ไป เมืองกาญจนบุรีเก่าไป ปากแพรกไป พนมทวน (บ้านทวน)ไป อู่ทองสุพรรณบุรี-ป่าโมก เข้าอยุธยา จะเห็นได้ว่าเจดีย์ยุทธหัตถีองค์นี้ตั้งอยู่ในเส้นทางการเดินทัพ คือที่ อำเภอพนมทวน เจดีย์ยุทธหัตถี องค์นี้ ตั้งอยู่ใกล้กับลำน้ำทวน ซึ่งเป็นลำน้ำที่อยู่ในเส้นทางการเดินทัพ ในการเดินทัพซึ่งมีคนเป็นจำนวนมากจำเป็นต้องมีเสบียงอาหาร น้ำดื่ม น้ำใช้ จึงเป็นไปได้ที่เส้นทางการเดินทัพจะเดินไปตามลำน้ำ ลำน้ำทวนเป็นลำน้ำที่ไหลผ่าน อำเภอพนมทวน แล้วลงสู่ลำน้ำจระเข้สามพันไป อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งตรงกับเส้นทางการเดินทัพดังกล่าว และตรงตามพระราชพงศาวดารที่กล่าวไว้ว่า "ลำน้ำทวนสายน้ำยุทธศาสตร์ใกล้สนามยุทธ" เจดีย์ยุทธหัตถีองค์นี้ อยู่ใกล้กับลำน้ำทวน โดยมีระยะห่าง 300 เมตร ปัจจุบันยังมีหลักฐานที่ปรากฏให้เห็นได้อย่างชัดเจน จากหลักฐานดังกล่าวที่อ้างมานี้ น่าจะเชื่อได้ว่าเจดีย์ยุทธหัตถีบ้านดอนเจดีย์ อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี เป็นเจดีย์องค์ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงสร้างขึ้น หลังจากที่พระองค์ทรงกระทำยุทธหัตถีมีชัยชนะต่อสมเด็จพระมหาอุปราชา กษัตริย์แห่งเมืองพม่า เมื่อปี พ. ศ. 2135 วันแรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ของทุกปี ชาวบ้านดอนเจดีย์ พร้อมด้วยข้าราชการ พ่อค้าประชาชน ได้ร่วมกันทำพิธีบวงสรวงและทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และนักรบโบราณที่ได้สละเลือดเนื้อและชีวิต เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยให้คงอยู่ตราบเท่าทุกวันนี้ วัดเทวสังฆาราม (วัดเหนือ) เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี เป็นวัดเก่าแก่โบราณวัดหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และวัดแห่งนี้ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเคยเสด็จมาถวายผ้าพระกฐินในวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2513 ปัจจุบันเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวในการศึกษาเรียนรู้ด้านประวัติศาสตร์และพระพุทธศาสนา เนื่องจากเป็นวัดที่อยู่ใจกลางเมืองจังหวัดกาญจนบุรี เมืองมัลลิกา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดกาญจนบุรี จำลองเป็นเมืองโบราณ " เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124 " นำเสนอวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ในสมัยอดีตในรัชกาลที่ 5 หลังการประกาศเลิกทาส หากใครที่ได้เข้ามาก็จะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตชาวสยามบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ความน่าสนใจของที่นี่ นักท่องเที่ยวสามารถย้อนรอยสู่อดีตได้ด้วยการสวมใส่ชุดไทยย้อนยุค ที่มีให้เลือกตามความชอบ เพื่อเก็บภาพบรรยากาศอดีตไว้เป็นความทรงจำกลับไป ชุมการแสดงโขนเรื่อง “รามเกียรติ์” วัดป่าเลไลยก์ วรวิหาร เป็นวัดเก่าแก่สันนิษฐานว่ามีอายุราว 1,200 ปี เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อโต ปางป่าเลไลยก์ ซึ่งสถานที่แห่งนี้ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ส่งเสด็จชักผ้าห่มถวายพระพุทธปฏิมากรหลวงพ่อโต เมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2498 ปัจจุบันนักท่องเที่ยวนิยมมากราบสักการะหลวงพ่อโต ปางป่าเลไลยก์ ณ ที่แห่งนี้เป็นจำนวนมาก องค์พระปฐมเจดีย์ เป็นสถานที่สำคัญของจังหวัดนครปฐม เป็นพระมหาเจดีย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เดิมมีชื่อเรียกว่า " พระธมเจดีย์" อดีตที่ผ่านมาในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปถวายสักการะพระปฐมเจดีย์ สักการะพระร่วงโรจนฤทธิ์ แล้วเสด็จฯ เข้าพระวิหารถวายสักการะพระบรมสารีริกธาตุ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ. ศ. 2499 พระราชวังสนามจันทร์ มีประวัติเก่าแก่มาแต่โบราณกาล เพราะสถานที่ที่สร้างพระราชวังสนามจันทร์ นี้คือ สถานที่ที่สมัยโบราณเรียกว่า " เนินปราสาท " เคยเป็นที่ตั้งของวังโบราณและยังมีสระน้ำที่อยู่ด้านหน้า และปัจจุบันก็ยังคงอยู่ คือ "สระน้ำจันทร์" ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ พระราชวังสนามจันทร์ สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจในทริปการเดินทางท่องเที่ยวตามรอยเท้าพ่อ ด้วยเส้นทางที่ได้นำเสนอมาทั้งหมดนี้ เพื่อได้เปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ โบราณสถาน วัฒนธรรม เชิงอนุรักษ์ให้ได้รู้ถึงพระราชกรณียกิจของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ยังมีให้ท่านได้เลือกเที่ยวอีกมากมาย หากมีข้อสงสัยประการใดติดต่อสอบถามได้ที่ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดราชบุรี โทร.032-322028 , 032-315372 ขอขอบคุณ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดราชบุรี จังหวัดราชบุรี คุณวีรัส ประเศรษโฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี บริษัท เจ.ทราเวล จำกัด คุณสาธิต ยอดดำเนิน นักวิชาการอิสระ อาจารย์ชิษณุพงศ์ ฐิตะลักขณะ |